1. ทัศนคติของบุคลากร คือความรู้สึกที่แสดงออกว่าชอบหรือไม่ชอบ
ทำใหเกิดทัศนคติทั้งทางบวกและทางลบ เพราะมีอิทธิพลต่อการทำงานของบุคลากรในองค์กร
เช่น นาย A.
มีทัศนคติที่ดีต่อองค์กรก็จะปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถและเกิดความกระตือรือร้นในการทำงาน
แสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อมาพัฒนาองค์กร
2. การจัดการสูญเสียในองค์กร
2.1 ความสูญเสียที่เกิดจากเครื่องจักร
ถ้าเครื่องจักรเกิดความเสียหายไม่ว่าจะเกิดจากการซ่อมบำรุง การตรวจสอบประจำวันหรือเครื่องจักรที่เสียก่อนกำหนดการซ่อมบำรุงทุกอย่างล้วนมีผลกระทบต่อการผลิต
ของเสียและค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซ่อมบำรุง
2.2 ความสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน
การบริหารจัดการแรงงานไม่เป็นไปตามโครงสร้าง
การจัดทรัพยากรบุคคลไม่เพียงพอหรือไม่ตรงสายงาน เช่น การวาง Lay Out
Process มีการออกแบบที่ไม่ดี ทำให้ Operator ต้องทำการเคลื่อนที่มากทำให้เกิดความสูญเสีย
หรือ Organization จัดบริมาณคนไม่เพียงพอต่อปริมาณงาน
ก่อให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อองค์กร
2.3 ความสูยเสียที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน
อันเกิดจากความบกพร่องของเครื่องจักรหรือการใช้เกินกำลังทำให้มีการใช้ปริมาณพลังงานมากเกิน
3. 5ส คือการจัดระเบียบและปรับปรุงสถานที่ทำงานของตนเอง
มีอยู่ 5 คำคือ
3.1 Seiri ( เซริ ) = สะสาง
เป็นการแยกของใช้ที่ไม่จำเป็นออกไป
3.2 Seition ( เซตง ) = สะดวก
การจัดเก็บ วาง ให้ง่ายต่อการนำไปใช้ หายก็รู้
3.3 Seiso ( เซโซ ) = สะอาด ปัด
กวาด เช็ด ถู ทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ
3.4 Seiketsu ( เซเคทสึ ) =
สุขลักษณะ คือการรักษาและปฏิบัติตาม 3สให้ดีตลอดไป
3.5 Shitsuke ( ชิทซึเกะ ) =
สร้างนิสัย ปฏิบัติ 4ส อยู่เป็นประจำจนเป็นนิสัย
4. ไคเซ็น ( Kaizen ) เป็นภาษาญี่ปุ่น
แปลว่า การปรับปรุงแก้ไข โดยมุ่งเน้นปรับปรุงวิธีการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน
โดยการใช้ความรู้ความสามารถของพนักงานมาช่วยกันคิดปรับปรุงโดยใช้เงินทุนจำนวนน้อย
ซึ่งก่อให้เกิดการปรับปรุงทีละเล็กที่ละน้อยๆ
ค่อยๆเพื่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่องดโยใช้กลยุทธ์ดังนี้
1.
รายการตรวจสอบ 3-Mu’s หมายถึง
ระบบตรวจสอบซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็น
แนวทางช่วยผู้บริหารและพนักงานให้ช่วยกันแก้ไขปรับปรุงงานของตนอยู่เสมอ
ประกอบด้ว
1.1 (muda) คือ ความสูญเปล่า
1.2 (muri) คือ ความตึง
1.3 (mura) คือ ความไม่สม่ำ่เสมอ
โดยการน าเอา
1. 3-Mu’s ไปใช้งานต้องมีการพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ของการทำงาน เช่น กำลังคน
เทคนิค วิธีการ เวลา สิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือเครื่องใช้ วัสดุที่ใช้
ปริมาณการผลิต สินค้าคงคลัง สถานที่ทำงาน แนวความคิดในการทำงาน
2. หลักการ 5ส ได้แก่ สะสาง (seiri) สะดวก (seiton) สะอาด (seiso) สุขลักษณะ(seiketsu) สร้างวินัย (shitsuke)
3. หลักการ 5 W 1H ประกอบด้วย Who ใครเป็นผู้ทำ what ทำอะไร Where ท าที่ไหน When ท าเมื่อไร Why ทำไมต้องทำอย่างนั้น How ทำอย่างไร
4. รายการตรวจสอบ 4M ได้แก่
4.1 Man หมายถึง การตรวจสอบผู้ปฏิบัติทำงานตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่มีความรับผิดชอบหรือไม่
ผู้ปฏิบัติมีทักษะความชำนาญหรือไม่ผู้ปฏิบัติได้รับมอบงานที่ตรงกับความ
สามารถหรือไม่
4.2 Machine หมายถึง การตรวจสอบอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสอดคล้องกับความสามารถของขบวนการผลิตหรือไม่
เครื่องจักรขัดข้องบ่อยหรือไม่ การจัดวางเหมาะสมหรือไม่
เครื่องจักรอยู่ในสภาพการใช้งานหรือไม่
4.3 Material หมายถึง การตรวจสอบ 6
ข้อผิดพลาดในเรื่องคุณภาพการตรวจสอบระบบคงคลังเพียงพอหรือไม่
4.4 Method หมายถึง การตรวจสอบว่ามาตรฐานในการทำงานมีเพียงพอหรือไม่
มีวิธีที่ปลอดภัยหรือไม่ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพหรือไม่ลำดับขั้นตอนการท
างานเหมาะสมหรือไม
ระบบที่สำคัญของไคเซ็น
1. การควบคุมคุณภาพและการบริหารคุณภาพทั้งระบบ
2. ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี (just in time production system : JIT)
3. การบำรุงรักษาทวีผล (total productive maintenance : TPM)
4. ระบบข้อเสนอแนะ (suggestion
system)
5. กิจกรรมกลุ่มย่อย (small group activities)
5. คิว ซี
เซอร์เคิล ( QC Circle )
กลุ่มของพนักงานที่รวมตัวกันเพื่อวัตถุประสงค์ในการหยิบยกปัญหาที่เกิดจากการผลิตมาดำเนินการผ่านกระบวนการวิเคราะห์
ระดทสมองหาวิธีการที่ดีที่สุดมาทำการปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นซ้ำหรือลดของเสียในการผลิตหรือลดต้นทุนในการผลิต
โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
1.การเตรียมการ
กลุ่มคิวซีเซอร์เคิลจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นโดยการฟอร์มตัวกันของบุคลากร
หน้างานจากนั้นจะดำเนินการกำหนดชื่อกลุ่มและสัญลักษณ์ประจำกลุ่ม
2.การพัฒนาแผนการดำเนินกิจกรรม
หลังจากทำความเข้าใจและเห็นพ้องกับนโยบายของผู้บริหารแล้วให้สมาชิกกลุ่มคิวซีเซอร์เคิลร่วมกันคิดค้นปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กร
โดยอาจพิจารณาได้จาก
- การทำความเข้าใจกับความต้องการของลูกค้า
- ความยากลำบากในการทำงาน
- ความคาดหวังในด้านกระบวนการทำงานของผู้บังคับบัญชา
3. การดำเนินกิจกรรมการแก้ปัญหา
ภายหลังจากการกำหนดปัญหาของกลุ่มคิวซีเซอร์เคิลแล้ว
ให้เริ่มดำเนินการแก้ปัญหาตามขั้นตอนดังนี้
1) การกำหนดหัวข้อปัญหาของคุณภาพ
2) การสังเกตการณ์และการตั้งเป้าหมาย
3) การกำหนดแผนการแก้ปัญหา
4) การวิเคราะห์สาเหตุรากเหง้าของปัญหา
5) การกำหนดมาตรการตอบโต้สาเหตุของปัญหา
6) การติดตามผล
7) การทบทวนมาตรฐานหรือสร้างมาตรฐานใหม่
4. การนำเสนอผลงาน
1) ให้กลุ่มคิวซีเซอร์เคิลมีโอกาสในการพัฒนาซึ่งกันและกันในการแบ่งปันความคิดและประสบการณ์จากการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มรวมถึงได้รับคำแนะน
าและคำวิจารณ์จากกลุ่มอื่นๆ
2) ให้กลุ่มคิวซีเซอร์เคิลมีโอกาสในการเสนอผลงานและสร้างการยอมรับจากผู้อื่นซึ่งจะทำให้เกิดความภูมิใจ
ความพึงพอใจและความเชื่อมั่น
3) เพื่อเสริมสร้างความสามารถของกลุ่มคิวซีเซอร์เคิลโดยการกระตุ้นจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกันกับกลุ่มคิวซีเซอร์เคิลอื่นๆ
4) เพื่อเปิดกว้างทางด้านการจิตสำนึก
ความรู้และมุมมองต่างๆของกลุ่มกิจกรรมคิวซีเซอร์เคิลผ่านการนำเสนอผลงานและอภิปราย
6. การควบคุมคุณภาพทั่วทั้งองค์กร
(Total Quality Control : TQC)
หมายถึง
แนวทางในการบริหารงานขององค์กรที่มุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพโดยสมาชิกทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมและมุ่งหมายผลกำไรในระยะยาว
ด้วยการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
รวมทั้งการสร้างผลประโยชน์แก่หมู่มวลสมาชิกขององค์กรและสังคมส่วนรวมด้วย
นอกจากนี้การควบคุมคุณภาพทั่วทั้งองค์กรยังมีชื่อเรียกที่มีความหมายเดียวกัน คือ TQM, TQC และ TWQC
TQC = Total
Quality Control : TQC (เป็นคำเดิม)
TQM = Total
Quality Mangement (คำใหม่)
TWQC = Company
- Wide Quality Control (คำที่ใช้กันในประเทศญี่ปุ่น)
องค์ประกอบสำคัญของการควบคุมคุณภาพทั่วทั้งองค์กร
1) Intrinsic Technology Intrinsic
Technology คือ เทคโนโลยีเฉพาะด้าน
2) Motivation for Quality คือ
แนวทางการผลักดันและจูงใจพนักงาน
3) QC Concepts คือ
แนวคิดเพื่อให้พนักงานยึดถือเป็นแนวทางในการปรับปรุงงานเปรียบเสมือน เสาหลักที่หนึ่งของบ้าน
บางแห่งเรียกว่า QC Thinking หรือ QC Sense
4) QC Techniques คือเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ในการปรับปรุงงาน
เปรียบเสมือนเสาต้นที่ 2 หรือที่เรียกว่า 7QC
Tool
5) Promotional Vehicles คือช่องทางในการปรับปรุงงานของพนักงานภายในองค์กร
6) Quality Assurance คือการสร้างความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้า
7.การบำรุงรักษาแบบทวีผล
(Total Productive Maintenance : TPM)
การบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม
ซึ่งหลักการของ TPM นั้นเริ่มต้นการพัฒนามาจากการดำเนินการ
PM หรือการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (preventive
maintenance) และได้พัฒนาการดำเนินการมาเรื่อยๆ โดยมีแนวคิดพื้นฐาน เริ่มจากการท
าการบ
ารุงรักษาเครื่องจักรเพื่อไม่ให้เสียและสามารถเดินเครื่องได้ตามที่ต้องการได้
โดยการใช้ทั้งการบำรุงรักษาตามคาบเวลา (time base
maintenance) การบำรุงรักษาตามสภาพของเครื่องจักร (condition base maintenance) และการเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรที่บำรุงรักษาง่ายขึ้นและมีอายุการใช้งานนานขึ้น
(maintenance prevention)
กิจกรรม 8 เสาหลักของ TPM ประกอบด้วย
1.การบำรุงรักษาด้วยตนเอง (autonomous maintenance) หลักการของการบำรุงรักษาด้วยตนเองหากมองดูเหมือนแต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการเป็นเจ้าของ
จากที่เครื่องจักรเป็นของโรงงาน
โดยให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกว่าเครื่องจักรนั้นเป็นของฉัน
2. การให้การศึกษาและฝึกอบรม (training and
education) ถ้าต้องการเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงนั้น
องค์กรสามารถที่จะหาซื้อเข้ามาติดตั้งได้ หากต้องการระบบการควบคุมการผลิตที่ดี ก็สามารถหาได้จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์
แต่องค์กรไม่สามารถรักษาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไว้ได้ หากไม่มีบุคลากรที่มีความสามารถ
ดังนั้นจึงต้องทำการพัฒนาคนให้มีความสามารถและรักในการปรับปรุงงานอยู่ตลอดเวลาหัวใจของการพัฒนาคนคือการให้ความรู้
การให้ความรู้ต้องเป็นการให้ความรู้ในสิ่งที่ต้องการและในเวลาที่ต้องใช้ความรู้นั้น
3.การจัดการความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (safety health
and workplace hygiene management) ความปลอดภัยในการทำงานเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด
เพราะหากการทำงานที่มีอันตรายมาก จะมีผลต่อการดำเนินกิจกรรมอื่นตามมา
4.การปรับปรุงเฉพาะเรื่อง (focus
improvement) กิจกรรมที่มีหน้าที่เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นให้เป็นศูนย์
โดยการใช้เครื่องมือต่างๆ ไปทำการวิเคราะห์หาทางแก้ไขและป้องกันการกลับมาของปัญหา
เครื่องมือที่ใช้ในกิจกรรมนี้คือ การวิเคราะห์ Why-Why การวิเคราะห์
P-M QC 7 Tools QCC 5W+1H เป็นต้น
5. การวางแผนการบำรุงรักษา (planned maintenance) ต้องท าการวางแผนการบำรุงรักษาให้กับเครื่องจักรเพื่อให้เครื่องจักรไม่เสียและต้องทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำที่สุด
6. การควบคุมตั้งแต่เริ่มต้น (initial control) หัวใจสำคัญของกิจกรรมนี้คือ เป็นกิจกรรมที่จะทำให้องค์กรรู้จักการดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาเดิมที่พบอยู่ให้หายไป
หรือลดลงไปให้ได้ตั้งแต่ตอนที่เริ่มต้นกิจกรรมนี้
7.การเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานสายสำนักงาน (efficiencies administration) เพราะส่วนสำนักงานนั้นก็เป็นส่วนสนับสนุนและจะต้องดำเนินกิจกรรม
5 ส เพื่อให้การเกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของสายสำนักงานให้ดีมากขึ้น